วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

พรายผีตายโหง

       
         พรายผีตายโหง คือวิญญานที่มากับของที่ผู้กระทำได้ส่งไปยังผู้ถูกกระทำ(โดนของ) เช่นโดนน้ำมันพราย กระดูกผีตายโหง หรือผงพรายที่อัดลงในเครื่องรางของขลัง ซึ่งวิญานเหล่านี้จะถูกใช้หรือบังคับด้วยเวทมนต์ ให้ตามสิ่งเหล่านี้มาเพื่อทำงานให้ มีตัวอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง ครับ

        เป็นเรื่องที่เกิดมานานแล้ว ซึ่งโดนกับเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน โดยเขาจะปวดท้องตลอด กินยาก็พอบรรเทาซักพักก็ปวดอีก เขาว่าจะมีเสียงคนคุยกัน เสียงหัวเราะกล่อมอยู่ในหูตลอด ช่วงที่ปวดท้องแรงๆ เหมือนมีอะไรหนักๆทับเอาไว้ บางครั้งเหมือนกับมีอะไรมุดไปตามตัว ตามแขน และก็ดิ้นตุ๊บๆ อยู่ใต้ผิวหนังจนต้องเอามือกดไว้ ผู้เขียนเห็นว่าอาการเหมือนเคยเจอเลยพาไปหาหลางพ่อที่สำนักสงฆ์ท้ายหมู่บ้าน และนำไข่ไปด้วยสามฟอง

         พอไปถึงก็แต่งขันห้า ท่านหยิบขันขึ้นแล้วหลับตา พอคนป่วยบอกว่าปวดท้องท่านเลยเอาไข่แตะที่ท้อง พอแตะที่ท้องท่านถึงกับอุทานว่า "ของแรง!.." แล้วท่านก็กลิ้งไข่ไปตามแขน ตามขา ครบทั้งสามใบแล้วเคาะให้ดู ไข่ใบแรกที่เจอ คือ แมลงตัวเท่าปลายนิ้วก้อยมีเลือดติดมาด้วย ปีกสีดำมีหนวด ท้องสีขาวขุ่น ตอนที่เจอแมลงได้ตายแล้ว ใบที่สองมีน้ำดำๆและมีจุดสีขาว ใบที่สามมีจุดสีขาวจางๆ ท่านว่าแมลง คือ พรายที่เขาปล่อยมาพร้อมกับพรายผีตายโหง น้ำดำๆคือน้ำมันพราย จุดสีขาวคือตำแหน่งที่พรายผีตายโหงกินในส่วนต่างๆของร่างกาย ท่านว่ามันกินเลือดและกินลึก ที่เป็นเสียงคนพูดกล่อมในหูคือเสียงพรายผีตายโหง ซึ่งมีทั้งชายและหญิง
        หลวงพ่อเล่าว่า คนทำพอเขาทำแล้วเขาก็ปล่อยพรายผีตายโหงมาด้วยเพื่อมาคุมของ คือจัดการแทนคนทำทุกอย่าง ซึ่งคนที่โดนกระทำจึงเหมือนโดนผีเข้า และสิ่งเหล่านี้ก็ต้องกินเพื่อให้อยู่ได้ ก็คือกินเลือดของคนป่วยท่านว่าอย่างงั้น

        พอถอนเสร็จท่านก็ผูกแขนและประพรมน้ำมนต์ให้ เมื่อกลับมาบ้านอาการปวดท้องก็หายไปเอง  และรู้สึกโล่งเป็นปกติ

       ครับ..ที่เล่ามาเป็นเรื่องที่ตามองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ เป็นเรื่องของความเชื่อ..ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยครับ...สำหรับผู้เขียนแล้วเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง...


..............


วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555

ผูกจิตมัดใจ

     ผูกจิตมัดใจ ถ้าเป็นคนผูกเราก็อยากไปหาคนๆนั้น แต่ถ้าเป็นผีผูกคือเขาอยากได้ไปอยู่ด้วยไปเป็นทาสหรือเป็นผัวเป็นเมีย เราก็อยากไปในสถานที่ๆผีนั้นอยู่..

     เคยสังเกตุหรือไม่ว่า ทำไมบางสำนักที่เราเคยไปแล้วเกิดความรู้สึกว่าอยากไปอีก ทั้งที่ไปแล้วก็ไปเห็นหลายอย่างที่ไม่น่าเชื่อถือ บางครั้งเราโดนด่า แต่พอกลับออกมาแล้วรู้สึกว่าอยากไปอีกและยินดีให้ด่า เพราะอะไร...เรียกว่าศิโรราบให้เขาหมด เราอาจโดนผูกหรือมัดจิต เราเคยบอกชื่อเขาหรือเปล่า ให้เสื้อผ้าหรือชิ้นส่วนในร่างกายเช่นเล็บ ผม แก่ใครไหม เพราะการกระทำใช้สิ่งเหล่านี้เป็นหลัก แต่บางสำนักไม่ใช้สิ่งเหล่านี้เลยแต่ใช้ผีแทน ใช้มาแฝงในร่างเราโดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วควบคุมความรู้สึกนึกคิด คือตกอยู่ในอำนาจเขาหมด พอไปเห็นเขาแล้วกลับยินดีปรีดา เฝ้าเขาจนไม่อยากไปไหนเป็นยังงั้น ..




     ส่วนใหญ่คนที่เขาผูกเขาดึงให้ไปหา ก็มีสิ่งมุ่งหวังในตัวเรา บ้างหวังในร่างกาย บ้างหวังเงินทองลาภสักการะ ก็อย่างว่าครับสิ่งไม่ดีมักอยู่ไม่นาน ซักวันก็ต้องเสื่อม ก็ต้องมีคนรู้ เพราะคนทุกคนย่อมเป็นไปตากรรมของตน คนที่โดนผูกโดนมัดก็อาจมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คอยปกปักรักษา คอยดลจิตดลใจ ให้รู้หรือให้พบทางแก้เป็นต้น

     ส่วนกรณีผีผูก เมื่อโดนแล้วก็เหมือนคนโดนผีเข้าล่ะครับ มักเก็บตัว และอยากไปในสถานที่ๆผีนั้นอยู่ จะเป็นต้นไม้ใหญ่ หรือตามห้วยหนองคลองบึง  ปราสาทเก่าๆ เป็นต้น เมื่อไปแล้วจะไปขลุกอยู่ตรงนั้น สังเกตุคนที่โดนแบบนี้มักมือเย็น เท้าเย็น เล็บซีด หน้าซีด

วิธีแก้ ถ้าเป็นคนทำ เบื้องต้นอย่าไปที่นั่นอีก อย่าเอ่ยชื่อคนที่ทำให้คนป่วยได้ยิน แล้วหาอาจารย์ที่ท่านรักษาทางด้านนี้แก้ให้ ที่สำคัญคือให้รักษาร่างกายไปในตัว ให้หาหมอตรวจร่างกายเช็คสมอง คือบำบัดทั้งสองทาง เพราะถ้าร่างกายอ่อนแอคนก็อยู่ไม่ได้

และถ้าเป็นผีทำ อย่าให้ไปที่ตรงนั้นอีก ต้องมีคนคอยประกบอยู่ตลอด แล้วหาอาจารย์ที่ท่านรักษาทางด้านนี้ช่วยแก้ให้ ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่าในกรณีแรก เพราะถ้าช้าไปอาจหมายถึงชีวิต อย่างกรณีที่เจอมา เป็นเด็กนักเรียนหญิงอายุ 14-15 ปี ญาติมัวแต่ใจเย็น ถึงเวลาที่เขาเอาเขาเอาง่ายๆ ผีที่เข้าร่างเด็กผู้หญิงหัวเราะเสียงดังครั้งสองครั้ง แล้วร่างเด็กนั้นล้มตึงลง เสียงเงียบ พร้อมกับลมหายใจก็เงียบด้วย เด็กนั้นใจขาดแล้ว 

     ครับถือว่าเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่เทียวไปสำนักนั้นสำนักนี้ รู้หน้าไม่รู้ใจ เราระวังตัวเองดีที่สุด เพราะเมื่อผิดพลาดมาอาจทำให้เสียเงินเสียทอง เสียเวลา อาจเสียทั้งร่างกายและเสียความรู้สึก...


............