ปอบ คือวิญญาณที่อยู่ในรูปของหมา ลิง แมว ถ้าเป็นหมาก็จะมีสีดำ สีขาว สีแดง ก็มี ปอบมาจากไหน เท่าที่สอบถามผู้เฒ่าผู้แก่และผู้รู้ทั้งหลายนั้น มีที่มาจากสามที่หลักๆ คือ 1.คนที่เรียนของ 2.จากเครื่องรางทางมหานิยม มหาเสน่ห์ 3.จากผีฟ้าผีแถน และจากที่อื่นๆอีกอาจมีในที่นี้ไม่ขอกล่าวถึง ซึ่งทั้งสามที่มามีรายละเอียดดังนี้ครับ
1.ที่มาจากคนที่เรียนของ เรียนมาแล้วทำผิดหรือรักษาไม่ได้ ของที่เขาเรียนมาก็จะแปลสภาพ เริ่มออกขน กลายเป็นสิ่งที่กล่าวมาแล้ว หรือที่เรียนมาเป็นมนต์ดำก็จะมีปอบติดมาอยู่แล้วเพื่อไว้ใช้งานเช่นมีลิงหนึ่งตัว หรือสองสามตัวเพื่อไว้ใช้งาน เพียงแค่ว่าสิ่งเหล่านี้ยังอยู่ในอำนาจของคนที่เป็นเจ้าของ ก็มีบ้างตอนที่คนนอนหลับสิ่งเหล่านี้ก็ไปทั่ว บ้างก็ไปอำ ไปหยอก หรือไปทำให้เด็กร้องๆแบบไม่มีสาเหตุ แต่เมื่อคนที่เรียนของนั้นเริ่มทำผิด รักษาไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เริ่มแก่กล้าขึ้น เริ่มขยายพันธุ์คือ ออกลูก มีแม่มีลูก เริ่มกลายสภาพเป็นหมาดำ ในที่สุดก็เริ่มออกหากิน มันจะออกตอนกลางคืน ไปเข้าสิงไปแอบแฝงกับคนที่อ่อน เช่นคนป่วย จะเห็นว่าบ้านไหนที่มีคนป่วยแล้วตอนกลางคืนมักมีเสียงหมาเห่าหมาหอน นั่นล่ะสังเกตุได้ สงสัยสิ่งเหล่านี้เป็นอันดับแรก สุดท้ายก็กินตัวเองคือคนที่เรียนของนั่นล่ะ คนนั้นก็จะป่วยกระเสาะกระแสะ ตัวซีด ซึ่งเขาควบคุมไม่ได้แล้ว ในที่สุดก็โดนรุมทึ้ง....
2.ที่มาจากเครื่องรางทางมหานิยม มหาเสน่ห์ ถ้าทางพุทธคุณล้วนนั้นไม่มีสิ่งเหล่านี้ แต่ถ้าเป็นสายดำแล้วจะมีสิ่งเหล่านี้แฝงมาด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นลิง แมว หนู ทำไมต้องใช้สิ่งเหล่านี้ เพราะสิ่งนี้ ใช้ได้เร็ว แรง สมใจนึก เพราะต้องคุมจิตใจคน เปลี่ยนจิตใจคน ให้หลงไหล ให้รัก ให้นิยมชมชอบ ประเภทว่ารักเรา หลงเรา ทำนองนั้น เช่น มีเซลล์มาขายของให้เราและได้พกเครื่องรางทางมหาเสน่ห์ติดตัวมาด้วย ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะไม่เอาเพราะไม่ได้ใช้ แต่พอเจอหน้าเซลล์แล้วใจอ่อนเขาพูดไม่กี่คำ จิตใจเปลี่ยนหมดหันมาซื้อของเขา พอเขาไปแล้วค่อยมานึกได้ ถึงกับงงตัวเอง ซื้อมาได้ไง แบบนี้ก็มี ถ้าเราเอาเครื่องรางเหล่านี้ไว้ในบ้านตอนกลางคืนก็จะกวนคนในบ้าน เทียวอำคนนั้นอำคนนี้ บ้างรังแกเด็กทำให้ร้องไห้ไม่ยอมหยุด จนคนในบ้านต้องนำเครื่องรางมาไว้นอกบ้าน ค่อยสงบลง แบบนี้ก็มี
3.ที่มาจากผีฟ้าผีแถน ซึ่งก็คือ ผีที่บรรพบุรุษถือต่อๆกันมา เพราะสมัยก่อนคนไม่มีที่พึ่ง ยามเจ็บไข้ได้ป่วยก็พึ่งผี โดยจะมีร่างทรงเป็นเจ้าพิธี เครื่องทรงของเขาก็จะมี ผ้าซิ่น กระจกใช้ส่อง แป้ง หวี หมากพลู ที่ขาดไม่ได้ก็คือ หมอแคน คอยเป่าแคน เมื่อแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อย ร่างทรงก็ลำเพื่ออัญเชิญผีฟ้าหรือผีแถนมาเข้าร่าง หมอแคนก็เป่าไปเรื่อยตามสเต็ป พอผีเข้าร่างแล้วก็ลุกขึ้นฟ้อน หมอแคนก็ลุกตามพร้อมกับเร่งจังหวะ บ้างกระทืบเท้า บ้างเดินวนรอบคนที่ป่วย พร้อมกับส่องดูกระจกที่วางอยู่ในพานครู เพื่อดูว่าคนป่วยไปโดนอะไรมา ทำไมถึงป่วย ส่วนใหญ่ แล้วจะว่าโดนผีไร่ผีป่า หรือผีที่นาทำ สุดท้ายก็ดูว่า ทำไมเขาถึงทำ ลงเอยว่า เขาอยากกินเครื่องเซ่น เช่น เหล้าไหไก่ตัว หรืออยากได้ศาลใหม่ หรือข้าทาสชายหญิง แบบนี้เป็นต้น จบด้วยการผูกแขนเสร็จพิธี
เหตุที่เขาเป็นปอบ เพราะทำผิด หรือ ถือไม่ได้ ผีที่ทรงเขาก็จะแปลสภาพ ออกขน บ้างเป็นลิง บ้างเป็นหมาดำ แล้วมีการออกลูก ขยายเพิ่มไปเรื่อยๆ ซึ่งเคยดูหลวงพ่อท่านไล่ปอบ ที่มาจากผีฟ้าผีแถน ท่านว่ามีถึง 29 ตัว ก็มี
เหตุที่เขาเป็นปอบ เพราะทำผิด หรือ ถือไม่ได้ ผีที่ทรงเขาก็จะแปลสภาพ ออกขน บ้างเป็นลิง บ้างเป็นหมาดำ แล้วมีการออกลูก ขยายเพิ่มไปเรื่อยๆ ซึ่งเคยดูหลวงพ่อท่านไล่ปอบ ที่มาจากผีฟ้าผีแถน ท่านว่ามีถึง 29 ตัว ก็มี
การลำผีฟ้า
สุดท้ายก็ออกแนวเดียวกัน คือ ออกหากินตอนกลางคืน ซึ่งคนที่เป็นเจ้าของหรือร่างของผีฟ้าผีแถนก็ดี ไม่สามารถควบคุมสิ่งเล่านี้ได้กับตกอยู่ในอำนาจของสิ่งเหล่านี้แทน และลงเอยด้วยการถูกสิ่งเหล่านี้กินเสียเอง คนก็ค่อยๆซีดลง ป่วยตลอด ในที่สุดก็ถึงแก่ชีวิต.......